COLLAGEN PEPTIDE
การดูดซึมในรูปแบบ ไดแปปไทด์
1. การดูดซึมในรูปแบบ ไดแปปไทด์
จากงานวิจัยพบว่า คอลลาเจนทั่วๆ ไปมีการดูดซึมต่ำ หากเทียบกับการดูดซึมในรูปแบบไดเปปไทด์ ซึ่งมีส่วนช่วยทำให้สารสกัดเอนไซม์เฉพาะตัวของ Collagen triple helix ให้อยู่ในรูปของ Collagen Peptide ซึ่งเป็นสารสกัดที่สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว และในที่สุด จะเปลี่ยนสถานะเป็นไดเปปไทด์ (Di-Peptide) ที่สามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิว ข้อต่อ และกระดูกได้ทันที
ส่วนประกอบของกรดอะมิโน
คอลลาเจนประกอบไปด้วยสัดส่วนของกรดอะมิ โนถึง 18 ชนิด โดยมีกรดอะมิโนหลัก 3 ชนิด ได้แก่ Proline , Hydroxyproline และ Glycine รวมกันมากถึง 48.7 % ที่สามารถช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
ไดเปปไทด์ ประกอบด้วยอะไร?
จากงานวิจัยพบว่า ไดเปปไทด์ คือ การเชื่อมต่อกันของกรดอะมิโนสองตัวจนกลายเป็นไดเปปไทด์คู่ ดังนี้
โพรลีน + ไฮดรอกซีโพรลีน (Pro-Hyp) หรือ P-O
ไกลซีน + ไฮดรอกซีโพรลีน (Hyp-Gly) หรือ O-G
ไดเปปไทด์คู่ ทั้ง 2 นี้ มีบทบาทสำคัญ คือ
กระตุ้นการสร้างเซลล์ ไฟโบรบลาสต์ (เซลล์ผิวที่ผลิตคอลลาเจนและอิลาสติน)
สังเคราะห์กรดไฮยาลูโรนิค (ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นแก่ผิว)
กระตุ้นการทำงานของเซลล์ข้อต่อและกระดูก
จากงานวิจัย Journal of Dermatology 2010 แสดงให้เห็นว่า หลังจากรับประทาน Collagen Peptides ไดเปปไทด์คู่ (Pro-Hyp) + (Hyp-Gly) จะตรงเข้าสู่เซลล์ผิวหนังชั้นใน (Fibroblast) ได้ดีกว่ากรดอะมิโนทั่วไป และไตรเปปไทด์ โดยเซลล์ผิวหนังชั้นใน (Fibroblast) จะสร้างคอลลาเจน อีลาสติน และกรดไฮยาลูโรนิค ที่ส่งผลให้ผิวมีความชุ่มชื้น เรียบเนียน ริ้วรอยร่องแก้ม และจุดด่างดำจางลงได้
ความพิเศษที่เหนือใครของ Collagen Peptides
คอลลาเจนทั่วไปสามารถดูดซึมในรูป แบบกรดอะมิโนต่างจาก Collagen Peptides ที่มีการดูดซึมแบบไดเปปไทด์ และไตรเปปไทด์ทำให้ร่างกายดูดซึมได้อย่างอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส ไม่มีสี รับประทานง่าย
ความสมบูรณ์แบบของคอลลาเจนเปปไทด์
คอลลาเจนทั่วไปดูดซึมในรูปแบบกรดอะมิโน เข้าสู่ร่างกายได้เพียง 50% แต่ Collagen Peptides สามารถดูดซึมในรูปแบบ ไดเปปไทด์ และไตรเปปไทด์ เข้าสู่ร่างกายได้มากถึง 62%
การดูดซึมคอลลาเจนเปปไทด์ในกระแสเลือด
ภายหลังจากการรับประทาน Collagen Peptides พบว่า “ไดเปปไทด์” สามารถซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้มากกว่าไตรเปปไทด์
สรุป :
ไดเปปไทด์คู่ Hyp-Gly คือ สารประกอบหลักที่สามารถดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้เร็วถึง 4.2 nmo/มิลลิพลาสมา ที่เข้าไปให้ผลโดยตรงต่อเซลล์
โพรลีน + ไฮดรอกซีโพรลีน (Pro-Hyp) หรือ P-O
ไกลซีน + ไฮดรอกซีโพรลีน (Hyp-Gly) หรือ O-G
ผลการวิจัยเกี่ยวกับสุขภาพผิว
2. ผลดีที่มีต่อสุขภาพผิว
ผลการศึกษาพบว่า:
เมื่อรับประทาน Collagen Peptides ปริมาณ 5 กรัมต่อวัน เป็นเวลา 4-8 สัปดาห์ สามารถป้องกันและช่วยลดรอยหมองคล้ำที่เกิดจากรังสี UV นอกจากนี้ คุณยังสามารถรับรู้ได้ถึงความนุ่มลื่น และความชุ่มชื้นมากขึ้นของผิว
ความสัมพันธ์ของ Collagen-derived Hyp กับการสังเคราะห์ Hyaluronan synthase (HAS) mRNA levels
Pro-Hyp ไดเปปไทด์ จากคอลลาเจนเปปไทด์ สามารถเพิ่มการสังเคราะห์กรดไฮยาลูโรนิค ได้ดีกว่าไตรเปปไทด์
Pro-Hyp ไดเปปไทด์ ปริมาณ 200 nmol/ml สามารถเพิ่มการสังเคราะห์กรดไฮยาลูโรนิคได้สูงกว่ากลุ่มทดลองที่มีการควบคุมประมาณ 3.8 เท่า
ผลจากการศึกษาพบว่า ผลิตภัณฑ์คอลลาเจนเปปไทด์ :
– ปกป้องผิวจากการทำลายของแสงแดด
– ทำให้ผิวชุ่มชื้น เปล่งประกายตลอดวัน
– ช่วยให้ผิวเนียน ลื่น น่าสัมผัส
– เติมเต็มร่องแก้ม ให้เนียนเรียบ
– ลบเลือนริ้วรอย จุดด่างดำค่อยๆจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ
– ช่วยให้ผิวกระชับ และยืดหยุ่นขึ้น
– เพิ่มการผลิตกรดไฮยาลูโรนิค และกระตุ้นไฟโบรบลาสต์ ในผิวหนังชั้นใน
– เพิ่มความชุ่มชื้น และความยืนหยุ่นให้แก่ผิว
– ช่วยลดการเกิดริ้วรอย
ผลการวิจัยคอลลาเจนกับสุขภาพข้อต่อและกระดูก?
3. สุขภาพข้อต่อและกระดูก
การศึกษาวิจัยพบว่า คอลลาเจน สามารถ:
– ยับยั้งการเสื่อมของคอนโดรไซต์ (Chondrocytes)
– กระตุ้นการสร้างไกลโคสะมิโนไกลแคน (GAG) ที่ทำหน้าที่สร้างสารหล่อลื่นในข้อต่อ
บำรุงกระดูกให้แข็งแรง
– ไดเปปไทด์คู่ Po , OG จะส่งผลโดยตรงต่อเซลล์ข้อต่อ และกระดูก Osteoclasts & Osteoblasts
ผลการวิจัยยังพบว่า Collagen Peptides สามารถป้องกันกระดูกอ่อน ข้อต่อ และเนื้อกระดูกไม่ให้ถูกทำลาย และยังช่วยลดอาการปวดเข่าจากการเสียดสีของกระดูก ซึ่งพบมากในผู้สูงอายุ และเมื่อทำการเอ็กซ์เรย์ พบว่าอาการต่างๆดังที่กล่าวมาแล้ว จะค่อยๆดีขึ้นอย่างต่อเนื่องหากบริโภค ปริมาณ 10 กรัมต่อวัน เป็นระยะเวลา 45 วัน นอกจากนี้ ไดเปปไทด์ยังสามารถช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงได้อีกด้วย
ในร่างกายมีระบบการทำงานร่วมกันกับกระบวนการเมตาบอลิซึมของกระดูก ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 เซลล์ คือ
1. Osteoclasts มีหน้าที่ย่อยสลายกระดูก
2. Osteoblasts มีหน้าที่สร้างโปรตีน และคอลลาเจน
เซลล์ทั้ง 2 นี้ ต่างทำงานร่วมกันเพื่อสร้างความสมดุลให้กับมวลกระดูก (Bone Mass) เมื่อมีอายุ 30-40 ปี เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน (Postmenopausal Osteoporosis) และเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ (Senile Osteoporosis) การสร้างมวลกระดูกจะลดลง ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะกระดูกพรุนในมนุษย์
งานวิจัยพบว่า การรับประทานคอลลาเจนเปปไทด์ สามารถช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงขึ้นได้ ไดเปปไท ด์คู่ Pro-Hyp มีหน้าที่กระตุ้นให้เซลล์ Osteoblasts สร้างชิ้นส่วนใหม่ของกระดูกเพิ่มมากขึ้นให้เพียงพอต่อความต้องการร่างกาย และกระตุ้นให้เซลล์ Osteoclasts ย่อยสลายกระดูกเก่า กล่าวคือเมื่อมวลกระดูกเก่าสูญเสียไป ก็จะมีมวลกระดูกใหม่เกิดขึ้นมาทดแทนอย่างต่อเนื่อง ไดเปปไทด์คู่ Pro-Hyp จึงช่วยให้การทำงานของกระบวนการ เมตาบอลิซึมในกระดูกทำงานได้อย่างสมดุล และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
ผลการวิจัยคอลลาเจนกับการรักษารอยแผลเป็น
4. การรักษารอยแผลเป็น
Collagen Peptides สามารถรักษารอยแผลเป็น เห็นผลได้อย่างชัดเจน ทำการทดลองและวัดผลกับกลุ่มอาสาสมัคร แบ่งเป็น กลุ่มผู้ทดลองเพศหญิง จำนวน 13 คน อายุระหว่าง 35 – 50 ปี ทำการบริโภค Collagen Peptides ปริมาณ 10 กรัมต่อวัน แบ่งเป็น ตอนเช้า 5 กรัม และตอนเย็น 5 กรัม เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ พบว่า รอยแดงของแผลเป็น มีขนาดเล็กลง จุดด่างดำค่อยๆจางลงอย่างต่อเนื่อง และกลุ่มอาสาสมัครถึง 75% ต่างพึงพอใจกับผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
เปรียบเทียบปริมาณกรดอะมิโนที่มีในปลาธิราเปีย กับ ปลาทะเลชนิดอื่น
เปรียบ เทียบกรดอะมิโนสำคัญ อันได้แก่ โพรลีน และไฮดรอกซีโพรลีน ที่มีอยู่ในปลาธิราเปีย กับปลาทะเลชนิดอื่น พบว่า ปลาธิราเปียมีปริมาณโพรลีนและไฮดรอกซีโพรลีนมากกว่าปลาทะเลชนิดอื่น เช่น ปลาแซลมอล,ปลาโพลอก และ ปลาสแนปเปอร์ เป็นต้น
COLLAGEN PEPTIDE ตอบโจทย์คนอยากมีผิวสวยและรักสุขภาพ
ยุคนี้แค่ผิวขาวยังไม่พอแต่ต้องดูสุขภาพกายและสุขภาพผิวที่ดีด้วย คอลลาเจนเป็นสารสำคัญที่อยู่ในความสนใจของผู้รักสุขภาพผิวมาระยะหนึ่งแล้วในประเทศไทย ถือว่าเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมจากผู้ที่อยากดูแลสุขภาพผิวและสุขภาพกาย ด้วยคุณสมบัติเป็นตัวช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกายและมีส่วนช่วยฟื้นฟูผิวด้วย แต่เพราะมีให้เลือกซื้ออยู่หลากหลายประเภท จะหาข้อมูลก็ไม่แน่ใจว่าข้อมูลใดเท็จจริง ทำให้เกิดความกังวลเป็นธรรมดาที่จะเลือกซื้อคอลลาเจนแบบไหนที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ
การเลือกซื้อจึงมีความสำคัญที่สุดสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารเสริม นอกจากนั้นยังเกิดความไม่แน่ใจว่าจำเป็นต้องซื้ออาหารเสริมที่มีส่วนผสมของคอลลาเจนมารับประทานหรือเปล่า บทความนี้จึงจะมาคุยกันเกี่ยวกับข้อสงสัยต่าง ๆ รวมถึงแนะนำอาหารเสริม collagen peptide 100% จากญี่ปุ่น
คอลลาเจนสำคัญแค่ไหน จำเป็นไหมที่ต้องซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มี คอลลาเจน
จริงอยู่ที่ร่างกายผลิตคอลลาเจนอยู่แล้ว แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้นการผลิตโปรตีนนี้จะค่อย ๆ ลดลง คอลลาเจนเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่สำคัญกับร่างกาย ทำให้ผู้ที่ต้องการอยากจะชะลอริ้วรอยที่เกิดขึ้นบนผิวเมื่ออายุเพิ่มขึ้นหรืออยากมีสุขภาพกายและสุขภาพผิวที่ดี การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีส่วนผสมของคอลลาเจนมารับประทานจึงเป็นทางเลือกหนึ่งเพิ่มเติมจากการรับประทานอาหารและการออกกำลังกาย
เลือกผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีส่วนผสมของคอลลาเจนอย่างไรให้ได้ผลดี
เป็นความกังวลของผู้ที่สนใจและอยากจะซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมนี้มารับประทาน เพราะไม่แน่ใจเรื่องคุณสมบัติผลที่จะได้รับกับความคุ้มค่าของเงินที่ต้องจ่าย การเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของคอลลาเจนที่มีคุณภาพผสมกับสารสกัดจากธรรมชาติอื่น หรือเป็นคอลลาเจน 100% เช่น ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม คอลลาเจนเปปไทด์ 100% จากญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมในขณะนี้ ได้ผ่านการรับรองว่าปลอดภัยมาแล้วอย่างถูกต้อง ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม COLLAGEN PEPTIDE เป็นคอลลาเจนเปปไทด์บริสุทธิ์ 100% และมีส่วนผสมของกรดอะมิโนมากถึง 18 ชนิด โดย 3 ชนิดหลัก คือ Glycine, Proline และ Hydroxyproline มีสัดส่วนถึง 48.7% มีบทบาทส่งเสริมและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดี
ทำไมต้องคอลลาเจนเปปไทด์
ปัจจุบันนี้ข่าวสารและข้อความโฆษณาอาจทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อเร็วขึ้น ซึ่งผลที่ตามมาอาจไม่ได้อย่างที่ใจหวัง เพราะเกิดจากความไม่เข้าใจตั้งแต่แรก อย่างการเลือกซื้อคอลลาเจนกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีส่วนผสมของ คอลลาเจน ต่างกันอย่างไร แบบไหนที่ดี แล้วทำไมต้องเลือก
ในข้อเท็จจริงแล้ว คอลลาเจนทั่วไปมีการดูดซึมเพื่อซ่อมแซมส่วนต่างในร่างกายได้ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริม คอลลาเจนเปปไทด์ 100% จากญี่ปุ่น ยิ่งร่างกายของแต่ละคนแตกต่างกัน ผลที่เกิดขึ้นก็จะแตกต่างกันไปด้วย การเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมช่วยในการดูดซึมได้ดีนั้น ย่อมเกิดผลดีและเห็นผลเร็วมากกว่า ก่อนตัดสินใจซื้อจึงควรเลือกคอลลาเจนที่ได้รับการทดสอบว่าปลอดภัยและมีคุณสมบัติพิเศษนี้ด้วย
อย่าง COLLAGEN PEPTIDE จะมีส่วนช่วยดูดซึมสารอาหารเข้าสู่ร่างกาย ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิว ทำให้ผิวสุขภาพดีและส่งผลดีกับข้อต่อและกระดูกด้วย
รับประทานอาหารเสริม COLLAGEN กับสิ่งที่คนส่วนใหญ่มักสงสัย
ข้อสงสัยที่มักตั้งคำถามกันคือการรับประทานอาหารเสริมที่มี Collagen นั้น เมื่อหยุดรับประทานแล้ว ผิวจะคล้ำลงหรือเปล่า สำหรับการรับประทานคอลลาเจน หากรับประทานได้ต่อเนื่องโดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพย่อมเป็นผลดี เมื่อหยุดก็ไม่ได้ทำให้ผิวคล้ำเสีย แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้นร่างกายจะผลิตโปรตีนชนิดนี้น้อยลงเป็นธรรมดา
ผิวก็จะมีริ้วรอยเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ในผู้ที่ต้องการอยากให้ผิวชุ่มชื้น ชะลอความแก่ คอลลาเจนจะเป็นตัวช่วยที่ดี ส่วนข้อสงสัยอีกเรื่องคือกินแล้วอ้วนไหม สิ่งที่ต้องสังเกตคือปริมาณน้ำตาลที่อยู่ในอาหารเสริม ยิ่งเป็นคอลลาเจนที่ไม่กลิ่นและไม่มีความหวานก็ยิ่งมีปริมาณน้ำตาลน้อย ไม่ทำให้อ้วน
คอลลาเจนเหมาะกับใครบ้าง
ผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพของผิวพรรณ ตอนนี้บางท่านอาจจะคิดว่าผิวสวยและมีสุขภาพดีอยู่แล้ว คงไม่จำเป็นที่จะต้องรับประทานคอลลาเจนเพิ่มเติม แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือไม่จำเป็นต้องรอให้ผิวแย่ดูหมองคล้ำหรือมีริ้วรอยก่อน เพราะความสวยเป็นเรื่องที่รอไม่ได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาเรื่องผิวแห้ง มีริ้วรอยหรือสีผิวไม่สม่ำเสมอ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม คอลลาเจนเปปไทด์ 100% จากญี่ปุ่น จะช่วยในการฟื้นฟูและแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ โดยมีหลักการที่ว่าคอลลาเจนจะเป็นตัวช่วยสร้างกรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid) ซึ่งมีบทบาททำให้ผิวมีความชุ่มชื้นโดยสร้างสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่าอิลาสติน (Elastin) ทำให้ผิวพรรณมีความยืดหยุ่นและเรียบเนียนขึ้น
ส่วนผู้ที่มีปัญหาของการปวดข้อเข่านั้น ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม COLLAGEN PEPTIDE 100% จากญี่ปุ่น สามารถช่วยบรรเทาลดอาการปวดข้อเข่าได้ ซึ่งมีการทดลองให้ผู้ที่มีอาการทานต่อเนื่องเป็นเวลา 45 วัน พบว่ารู้สึกเจ็บเข่าน้อยลง โดยดูผลภาพ X-Ray จะเห็นว่ามีช่องว่างระหว่างข้อเข่ามากกว่าเดิมและมีอาการดีขึ้น โดยคอลลาเจนจะช่วยป้องกันกระดูกอ่อนและเนื้อกระดูกส่วนที่แข็งไม่ให้เสื่อมหรือถูกทำลายได้ง่าย
วิธีรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริม COLLAGEN PEPTIDE 100%
สามารถทานได้ง่ายโดยการผสมเข้ากับอาหารหรือเครื่องดื่มที่ทานอยู่แล้วตามปกติ เช่น ข้าว กับข้าว น้ำซุป หรือเครื่องดื่มโกโก้ กาแฟ นม เป็นต้น โดยใช้ช้อนตวงที่มีให้มาด้วย (1 ช้อนปริมาณ 5,000 มิลลิกรัม) โดยมีปริมาณการใช้งานตั้งแต่ ครั้งละ 1 ช้อน เพื่อการดูแลผิวพรรณ (1 ช้อนต่อวัน)
หากต้องการเสริมให้ผิวดูกระจ่างใสหรือส่งเสริมลดอาการปวดข้อให้เพิ่มการทานอีก 1 ช้อนในมื้ออาหารอื่นโดยห่างกัน 8-10 ชั่วโมง หรือทานก่อนนอน โดยจะเห็นผลใน 3-7 วัน ผิวจะรู้สึกว่าลื่นขึ้น และจะเห็นว่าผิวกระจ่างใสในเวลา 14-30 วัน เมื่อผ่านไป 1-2 เดือนจะเห็นว่ารอยหมองคล้ำต่าง ๆ มีการจางลง ส่วนริ้วรอยจะตื้นขึ้นในเวลา 2-3 เดือน โดยการทานอาหารเสริมคอลลาเจนเปปไทด์ 100% อย่างต่อเนื่อง (1 ช้อนต่อวัน)
นอกจากเลือกรูปแบบของคอลลาเจนแล้ว การรับประทานอย่างต่อเนื่อง ไม่ใจร้อนอยากเห็นผลที่ชัดเจนภายในวันสองวันก็เป็นสิ่งสำคัญ บางคนอยากจะเห็นผลปัจจุบันทันด่วนจนเครียดและคิดว่ารับประทานไปก็ไม่ได้ผล ซึ่งในความเป็นจริงแล้วต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ที่สำคัญต้องอย่าละเลยเรื่องการทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ การดื่มน้ำและพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงแสงแดดแรง ๆ และมลภาวะ ก็จะช่วยส่งเสริมสุขภาพทุกด้านให้แข็งแรง ผิวสวย ดูมีสุขภาพดีได้อย่างยั่งยืน
คำเตือน:
– เด็กและสตรีมีครรภ์ ไม่ควรรับประทาน
– ควรระวังในผู้ที่แพ้อาหารทะเล
* ควรกินอาหารหลากหลายครบ 5 หมู่ ในสัดส่วนที่เหมาะสมเป็นประจำ
* ข้อมูลสำหรับผู้แพ้อาหาร : มีผลิตภัณฑ์จากปลา
* ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค
คอลลาเจน เปปไทด์ 5,000 มก. (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร)
ส่วนประกอบสำคัญ: collagen peptide 100%
วิธีรับประทาน:
วันละ 1 ช้อน (5 กรัม) ลงในน้ำธรรมดาหรือน้ำเย็น 150-200 มล. คนให้ละลายพร้อมดื่มได้ทันที
อายุการเก็บรักษา:
3 ปี นับจากวันที่ผลิต (ผ่านการตรวจ GMP กฎหมาย)