4 วิตามิน สุดยอดสารบำรุงผิว
4 วิตามิน สุดยอดสารบำรุงผิว
ผิว เป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดของร่างกาย โดยสามารถมองเห็นได้ทั่วร่างกาย โดยในปัจจุบันผู้คนนั้นพบเจอกับสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่างจะเป็นเชื้อโรค แสงแดด หรือแม้กระทั่งการสูญเสียน้ำ จึงทำให้ผิวหนังได้รับความเสียหายจากสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้โดยเฉพาะผิวหน้า แต่เมื่อมีสิ่งที่ทำร้ายผิวหนัง ก็ย่อมมีสิ่งที่ช่วยบำรุงผิวหนังด้วยเช่นกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ วิตามิน
โดยวิตามินมีหลากหลายชนิด แต่ละชนิดก็มีประโยชน์ที่หลากหลายรวมไปถึงเรื่องของผิวหนังด้วยเช่นกัน ซึ่งวิตามินที่ช่วยบำรุงผิวดีดังต่อไปนี้
วิตามินซี (Vitamin C)
วิตามินซี เป็นวิตามินที่สำคัญต่อสุขภาพผิว มีหน้าที่ช่วยให้โครงสร้างของคอลลาเจนมีความเสถียร ส่งเสริมการทำงานของยีนส์ที่สร้างคอลลาเจน กำจัดอนุมูลอิสระต่าง ๆ ที่เกิดจากมลพิษและแสงแดด และยับยั้งกระบวนการสร้างเมลานิน ลดรอยด่างดำ
จากงานวิจัยเกี่ยวกับวิตามินซีและสุขภาพผิว พบว่าการรับประทานวิตามินซีทั้งในรูปแบบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและในรูปแบบอาหาร สามารถช่วยเรื่องความยืดหยุ่น ลดรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า ความหยาบกร้านและสีผิว ช่วยส่งเสริมการหายของแผล ลดรอยแผลเป็น ลดการอักเสบที่ผิวหนัง
วิตามินอี (Vitamin E)
วิตามินอี เป็นวิตามินที่มีความเข้มข้นในชั้นหนังกำพร้ามากกว่าชั้นหนังแท้ มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ เช่นเดียวกับวิตามินซี และเป็นด่านแรกของการป้องกันการสร้างอนุมูลอิสระจากไขมัน (Lipid Peroxidation) ปกป้องเซลล์ไม่ให้ถูกทำลาย กระบวนการต้านอนุมูลอิสระของวิตามินอี ต้องอาศัยกระบวนการของสารอื่นร่วมด้วยอย่าง วิตามินซี ซีลีเนียม เป็นต้น
ความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระของวิตามินอี ช่วยปกป้องผิวจากการแก่ชรา และช่วยในการรักษาสภาวะผิวต่าง ๆ เช่น ฝ้า รอยแผลเป็น และผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง หลายงานวิจัยรายงานว่า การรับประทานวิตามินอี 200-1200 IU ต่อวัน ช่วยให้อาการของโรคหนังแข็ง (Scleroderma) ดีขึ้นได้
วิตามินบี 3 (Vitamin B3)
วิตามินบี หรือ ไนอะซินาไมด์ มีประโยชน์มากมายต่อผิว การทาวิตามินบี 3 ช่วยทำให้เกราะป้องกันของผิวมั่นคงมากขึ้น ลดการสูญเสียน้ำจากผิว และกระตุ้นการสังเคราะห์โปรตีนต่าง ๆ เช่น เคราติน เพิ่มการสังเคราะห์เซราไมด์ (Ceramide) ซึ่งเป็นไขมันที่พบได้ตามธรรมชาติบนผิว มีหน้าที่รักษาความชุ่มชื้นของผิว นอกจากนี้ วิตามินบี 3 ยังใช้ในการรักษาโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง มีผลในการลดสารอักเสบต่าง ๆ เช่น IL-1β, IL-6, IL-8, TNF จึงถูกใช้เพื่อรักษาสิว ผื่นกุหลาบ และภาวะอักเสบที่ผิวอื่น ๆ รวมถึงการรักษาสิวด้วย
การวิจัยที่ทดลองรักษาสิวอักเสบในผู้ป่วย 160 คน โดยใช้ 4% Nicotinamide gel เปรียบเทียบกับ 4% Erythromycin Gel 2 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 8 สัปดาห์ ผลการวิจัยพบว่า ทั้งสองกลุ่มสามารถลดการอักเสบได้ แต่กลุ่มที่ใช้ Nicotinamide Gel ซึ่งมีส่วนผสมของวิตามินบี 3 ช่วยลดภาวะต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากเกินไป (Seborrhea) ได้ดีกว่า
วิตามินดี (Vitamin D)
วิตามินดี เป็นวิตามินละลายในไขมัน ลักษณะเหมือนฮอร์โมนสเตียรอยด์ มีความสำคัญในสมดุลแคลเซียมของร่างกาย วิตามินดีเป็นวิตามินที่ได้รับจากแสงแดด มีความสำคัญในระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยป้องกันการติดเชื้อ
การทาวิตามินดีที่ผิวหนัง ช่วยยับยั้งการสร้างเซลล์ผิวหนังที่มากเกินไป ลดการหนาตัวของผิวหนังบริเวณที่เกิดโรค เช่น โรคสะเก็ดเงิน วิตามินดียังช่วยลดการอักเสบ การหายของแผล ป้องกันผิวหนังจากการถูกทำลายจากแสงแดด ช่วยลดการตายของเซลล์จากแสงแดดได้ถึง 55-70% และภาวะการขาดวิตามินดีส่งผลต่อความรุนแรงของโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
แหล่งที่มา : www.bdmswellness.com
จำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพและปรนนิบัติผิว ด้วยผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ คอลลาเจน | วิตามินซี | อาหารเสริม